วัฒนธรรมท้องถิ่น
พระพิฆเนศ ปางยืน องค์ใหญ่ที่สุดในโลก รุ่นเนื้อสำริด สำเร็จ สมปรารถนา
พระพิฆเนศองค์นี้มีชื่อเรียกว่า "พระพิฆเนศปางยืน องค์สำริด สำเร็จ สมปรารถนา" สำหรับวัตถุประสงค์ในการสร้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา และของประเทศไทย อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ การขายพืชผล ก่อให้เกิดการสร้างงานในท้องถิ่น และเป็นอนุสรณ์สถานที่ทรงคุณค่าชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
นับได้ว่าเป็นองค์พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดสูงถึง 39 เมตร เนื้อองค์ทำจากสำริด (ประกอบด้วย ซิลิคอน, แมงกานีส, นิเกิล, เหล็ก, ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทองแดง) พระหัตถ์ทั้ง 4 นั้นถือ ดอกบัว, มะม่วง, กล้วย, อ้อย และขนุน และที่พระบาทมีหนูกอดลูกมะพร้าว ซึ่งมีความหมาย คือ ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน พระพิฆเนศปางสำริด สำเร็จสมปรารถนานี้จะประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
ประติมากรผู้ปั้น คือ นายพิทักษ์ เฉลิมเล่า ข้าราชการกรมศิลปากร ผู้มีผลงานอาทิเช่น การซ่อมแซมพระพรหมเอราวัณ งานประติมากรรม นารายณ์กวนเกษรียรสมุทร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
สำหรับผลงานประติมากรรมพระพิฆเนศร์องค์นี้มีองค์ประกอบที่โดดเด่น คือ พระหัตถ์ 4 ถือพืชพรรณธัญญาหาร ดังนี้ 1.กล้วย 2.ยอดอ้อย 3.ขนุน 4.มะม่วง
และเป็นผลงานประติมากรรมเพียงองค์เดียวจากนับร้อยองค์ที่ส่งเข้าประกวดที่มีผลไม้ต่างๆ ถืออยู่ครบทุกหัตถ์ และนับเป็นความลงตัวอย่างที่สุด ที่คณะกรรมการสมาคมชาวฉะเชิงเทรา ได้พระพิฆเนศองค์นี้มาเป็นต้นแบบ และสถานที่ประดิษฐานนั้นยังเป็นพื้นที่ ที่อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะเป็นแหล่งมะม่วงที่ดีที่สุดของประเทศไทย
องค์พระพิฆเนศปางยืน เนื้อสำริดนี้ จะตั้งเด่นตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง บริเวณ อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ภายในเทวสถานอุทยานฯ แห่งนี้ มีการก่อสร้างสิ่งสักการะอีกหลายอย่าง เพื่อให้ประชาชนที่นับถือมากราบไหว้ เพื่อเป็นที่พึ่งพิงทางใจ
เมื่อมาถึงจะเห็นจุดจำหน่าย ธูป เทียน และดอกไม้ ชุดเล็ก 30บ. ชุดใหญ่ 50บ.
ระหว่างทางเดินไป สังเกตเห็นได้ว่าจะมีรูปปูนปั้นพระพิฆเนศปางต่างๆ ตามวันเกิดแต่ละวัน และมีสีตามวันนั้นๆ
มีรูปปั้นของพระศิวะและพระแม่อุมา เพื่อให้สักการะขอพร
อีกทั้งยังมี พระพิฆเนศปางยืน ย่อส่วน เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้อย่างใกล้ชิด
และที่ขาดไม่ได้คือ รูปปั้นหนู เพราะตามความเชื่อ หนูคือบริวารผู้รับใช้ส่งสารแก่พระพิฆเนศ
เมื่อเดินมาถึงฐานพระพิฆเนศ จะมีที่ให้จุดธูปเทียน เพื่อสักการะกราบไหว้ และ ณ จุดนี้เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป จะพบกับองค์พระพิฆเนศ ยืนตระหง่านสูง ดูน่าเลื่อมใสยิ่งนัก
บรรยากาศรอบฐานองค์พระพิฆเนศ
และถ้าใครต้องการเช่าบูชา องค์พระพิฆเนศไปไว้ที่บ้าน ที่นี่ก็มีให้เช่าเช่นกัน
เมื่อสักการะขอพรเรียบร้อยแล้ว สามารถเดินเล่นภายในสถานที่แห่งนี้ได้ โดยมีริมแม่น้ำบางปะกงให้ชม แต่ถ้ามาช่วงเที่ยง หรือกลางวัน อาจจะเจอแดดจัดสักหน่อย เพราะที่นี่เป็นที่เปิดโล่งซะส่วนใหญ่ ถ้าอยากมาเดินเล่นแบบสบายๆ ไม่ร้อนมากนัก แนะนำให้มาสักช่วง 4 โมงเย็น ไปแล้ว (ที่นี่ปิด 6 โมงเย็น)
|
|
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วัดก้อนแก้ว
สุดยอดเกจิย์ เมืองแปดริ้ว....หลวงพ่อ ทองวัดก้อนแก้ว |
[รายละเอียด] . สุดยอดอมตะเถราจารย์ แห่งเมืองแปดริ้ว ..... พระครูสุวรรณศีลาจารย์ ( หลวงพ่อ ทอง วัดก้อนแก้ว ) ชาติภูมิ ท่านเป็น ชาวเขมร จังหวัดพนมเปญ มีเชื้อสายเป็นเจ้า เดินทางมาเรือกับ บิดา มารดา าพักที่ กรุงเทพ ทำอาชีพค้าขาย ต่อมาได้รู้จักกับพระวัดสัมพันธวงศ์ชวนท่านบวชเณร และได้มาจำพรรณษาอยู่ที่วัดสมานรัตนาราม และ ลพ ทองท่านได้เกิดป่วยหนัก มีคนรู้จักได้พาท่านมาพักที่บ้าน ไผ่เสวก ต.บางแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ต่อมาคนที่พาท่านมาได้ตายและเผาที่วัด จุกกะเฌอ ลพ ทองท่านได้บวชหน้าไฟให้ตั้งแต่นั้นมาท่านก็บวชพระที่วัด จุกกะเฌอ ได้จำพรรณษาและศึกษาวิชาอาคมกับ พระอธิการ แสง แห่งวัดจุกกะเฌอ ซึ่งเป็นพระที่ เก่งกาจด้านกรรมฐาน วิปัสนา ท่านเป็นพระ ความจำเลิศ ถือธุดงค์วัต เป็นนิจ ได้ออกธุดงค์ ไปทั่วตามต่างจังหวัดและออกไปถึง เขมรและพม่า ได้ศึกษาวิชาอาคมกับ ท่านอาจารย์ สุวรรณที่มีวิชาอาคมแก่กล้าจนหมดสิ้น ก็เดิรทางไป กาญจนบุรี ไปขอเรียนวิชาจาก พระครูเขาพระ และกับ เฒ่ามุ้ย วิชาลงกระหม่อมอีกจนสำเร็จ และออกธุดงค์เข้าป่าลึกเป็นเวลากว่า 20 ปี ทั้งใน ไทย - เขมร -พม่า ศึกษาวิชากับเกจิย์อาจารย์ ในทุกที่ ท่านจึงมีวิชาอาคมแก่กล้ามาก สัตว์ร้าย ภูติผีปีาจ มิอาจทำอันตรายได้เลย จนกลับมาจำพรรณษาที่วัดจุกกะเฌอดังเดิม สมัยนั้นวัดก้อนแก้วเกือบจะเป็นวัดร้าง คุณยายแฉล้ม ละมั่งทอง ได้นิมนต์ ลพ ทองมารักษาการแทนเจ้า อาวาสองค์เก่าที่มรณะภาพไป อยู่หลายครา จนสุดท้าย เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคุณ พุทธิรังสีมุณีวงค์ ต้องจัดขบวนแห่ด้วยตัวท่านเองนำแห่จากวัดจุกกะเฌอ มาวัดก้อนแก้ว ลพ ทอง ท่านจึงยอมมาเป็นเจ้าอาวาสวัดก้อนแก้ว ในปี 2478 และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน พศ 2510 และได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสุวรรณศีลาจารย์ ( แปลว่าผู้มีศีลบริสุทธิ์ดุจทอง) ในปี 2519 หลวงพ่อทอง มรณะภาพเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2525 อายุ 92 ปี 63พรรษา ลพ ทอง ท่านมีความสามารถในด้าน วิปัสนาและกรรมฐาน วิชาอาคมหลายแขนง มีพลังจิตแก่กล้ามาก ยากจะหาใครเทียบได้ มีจิตเมตตาสูงต่อ ญาติโยม พูดน้อย แต่ยิ้มแย้มเสมอ เวลามีคนมาหาท่านให้ทำน้ำมนต์รักษาโรคร้าย โดนคุณสไยมนต์ดำ เจ็บไข้ได้ป่วย มาขอพร ค้าขายดี ก็จะมาขอท่านรดน้ำมนต์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมายามใด ท่านก็จะลุกขึ้นมาต้อนรับทำให้อย่างเต็มใจโดยตลอดมา ท่านเป็นพระที่สมถะอย่างแท้จริง ไม่ยึดติด ได้ปัจจัยมาเท่าใด ก็นำมาทำนุบำรุงวัดก้อนแก้ว ไม่มีการสะสมใดๆเลยจวบจน วันมรณะภาพ ในกุฏิเก่าๆของท่าน และในตัวท่าน ไม่มีทรัพย์สินมีค่าแต่อย่างใดเลย ถือได้ว่าละซึ่งทุกสิ่งแล้วจริงๆ วัตถุมงคล ของท่าน จะต้องทำขึ้นอย่างตั้งใจมีขั้นตอน ฤกษ์ยามอย่างถูกต้อง และจะต้องปลุกเสกในวันเสาร์ ๕ เสกได้เต็มที่และมีความขลังมากกว่าวันอื่นๆ ท่านจะเสกจนทะลุ เหรียญ เสกจนมั่นใจ จึงยอมให้ญาติโยมไปบุชาคุ้มครองตัวได้ วัตถุมงคลของท่านจึงมีปฏิหารย์และประสบการณ์สูงมาก ในพื้นที่ เจอกันทุกรูปแบบ หยุดอาวุธทุกชนิด จนเป็นที่โจษขานไปทั่ว และยังเป็นเมตตามหานิยม ทั้งนังเลงและแม่ค้าแม่ขาย ต่างมีของดีของท่านติดตัวกันทุกคนไป ในยุคนั้นเขตภาคตะวันออก วัดใหนมีพิธีพุทธาภิเษก ต้องมานิมนต์ท่านทุกวัด ล้วนแต่เป็นงานใหญ่ๆทั้งนั้น ได้รับกิจนิมนต์ให้ปลุกเสกร่วมกับ ลป ทิม ละหารไร่ / ลป โต๊ะ ประดู่ฉิมพลี / เป็นประจำ และเวลาท่านนั่งปรกปลุกเสก ท่านจะเสกจนมั่นใจในวัตถุมงคลนั้นๆ จึงจะถอนจาก ญาณสามบัต ก่อนเข้าร่วมปลุกเสก ท่านจะให้ หลวงพี่ ทุ้ย พระไกล้ชิดท่าน ไปถามว่า กำหนดการสิ้นสุดพิธีปลุกเสกกี่โมง แล้วท่านจะกำหนดจิต เข้าสมาธิปลุกเสก นั่งรวดเดียว จนถึงเวลากำหนด ก็จะถอนจากสมาธิลืมตา พอดี ทุกครั้งโดยที่ไม่มีใคร ไปเรียกแต่อย่างใด ไม่ว่างานนั้น จะมีลั่นฆ้องพัก ฉันน้ำชา แต่สำหรับท่าน นั่งรวดเดียวเลยครับ ยันสว่างก็ รวดเดียว จิตท่านนิ่งมาก เวลาเสกของ ท่านบอกต้องเสกให้ทะลุ ถึงจะได้ผล... และยังมีเรื่อง ม้า จอมพยศของท่านที่มีคนนำมาปล่อยเพราะเลี้ยงไม่ไหว ไม่มีใครคนใดเอามันอยู่ ท่านเสกหญ้าให้มันกิน จนมันเชื่องกับท่านคนเดียว แต่มันเกเร ออกไปนอกวัดเดินเหยีอบ สวนผักของชาวบ้านทำลายข้าวของ จนชาวบ้านทนไม่ใหว เอามีดเอาปืนไล่ยิงไล่ฟันแต่ไม่เข้าสักราย เพราะมันมีผ้าจีวรที่ท่านผูกคอมันใว้ จน ล.พ ทองท่าน มรณะภาพลง มันก็ยิ่งเกเรขึ้นทุกวัน จนชาวบ้านทนไม่ไหว เอารถสิบล้อไล่ทับมันจนตาย ส่วนวัตถุมงคลของท่านทุกชิ้นท่านจะปลุกเสกจนมั่นใจแล้วจึงออกให้บูชาได้ ของทุกอย่างของท่านจึงมีประสบการณืมากมาย ขนาดเด็กนั่งหัวเรือ โดนฟ้าผ่าเต็มๆๆ ยังแค่สลบไป พ่อพาไปให้ท่านรดน้ำมนต์ แล้วก็กลับบ้านได้เลย ในตัวเด็กมีเหรียญของท่าน แขวนอยู่เหรียญเดียวครับ ประสบการณ์ ที่วัดจะๆ ลพ ทอง ท่าน ปลุกเสกเหรียญ รุ่น บาทใหญ่ เพื่อออกจำหน่ายในงานประจำปีวัด ก้อนแก้ว เพื่อนำเงินไปทำนุบำรุงวัดก้อนแก้ว ตกกลางคืนมีงานวัด วัยรุ่นแถบนั้น เขม่นกัน ตะลุมบอล เสียงปืนดังขึ้น มีคนล้มลง โดนลูกหลง ลูกปืน 11 ม.ม เจอะเข้าที่ขมับเป็นรอยบุ๋บ สลบไป สักพักก็ฟื้น ในกระเป๋าเสื้อมีเหรียญ บาทใหญ่ ที่เช่าจากวัด เหรียญเดียวเท่านั้น เรื่องยิงไม่เข้า ปืนด้าน มีให้เล่ากันเป็นประจำกับวัตถุมงคลของท่าน สมัยนั้นถนนทางวัดเปลี่ยวมาก โจรชุมยิ่งนัก วัยรุ่นก็ห้าวข้ามถิ่นกันไม่ได้ แต่วัยรุ่นแถบวัด ยังไงต้องมีวัตถุมงคลของท่านติดตัวทุกคน ถึงขนาดทหารในค่ายศรีโสธร ต้องมาขอจัดสร้างเหรียญ ให้ท่านปลุกเสก เพื่อติดตัวไปออกสงครามในยุคนั้น ท่านโด่งดังมาก ท่านเป็นพระที่ผมเคารพนับถือในจริยวัตรมาก วันที่ท่านมรณภาพ จากคำบอกเล่าของ เจ้าอาวาสองค์ต่อมา ในตัวท่านและในกุฏิไม่มีเงิน หลงอยู่เลยแม้แต่บาทเดียว ท่านทำเผื่อวัด และอุทิศตัวเพื่อศาสนาและช่วยเหลือ ชาวบ้าน ที่มาขอความช่วยเหลือ ปัจจุบัน สรีระ ของท่านไม่เน่าเปื่อย บรรจุในโลงแก้ว ณ วัดก้อนแก้ว หากท่านได้ผ่านมาแปดริ้ว เข้าไปกราบขอพรจากท่านได้ครับ พระของท่าน ผมแขวนเดี่ยวได้อย่างสบายใจไทยแลนนนนนคร้าบบบบบ..........กราบนมัสการ พระคุณเจ้า |